"PRK" แก้ไขสายสั้น เตรียมพร้อมก่อนเป็นนักเรียนทหาร

20 เมษายน 2566

แพทย์หญิง ไรนา จินดาศักดิ์

 

     " PRK "  เป็นการรักษาสายตาสั้นเอียงโดยใช้เลเซอร์ยิงผิวกระจกตา  หลังลอกเซลล์ผิวกระจกตาชั้นบนสุดออกแล้ว โดยไม่มีการเปิดฝากระจกตา หลังจากแผลหายกระจกตาจะไร้รอยต่อ  ค่าสายตาและความคมชัด ของการมองเห็นจะเหมือนการทำเลสิก แต่จะใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่า เร็วช้าขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยเฉลี่ยสามารถเริ่มมองเห็นได้ประมาณ 70-80% ที่ประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไป  บางรายอาจเร็วกว่าหรือช้ากว่านั้น หลังทำ PRK จะมีอาการระคายเคืองตา  แพ้แสง อยู่ประมาณ  2-4วัน ซึ่งจะมากและนานกว่าการทำเลสิก  แต่ ข้อดีของการทำPRK คือ เวลาหายจะไม่มีรอยต่อของกระจกตา ทำให้ความแข็งแรงของกระจกตามีมากกว่าการทำเลสิก และผลเรื่องตาแห้งจะน้อยกว่า และหายได้เร็วกว่าการทำเลสิก

การมองเห็นหลังทำ  PRK ในช่วง1สัปดาห์แรก การมองเห็นจะยังชัดๆเบลอๆสลับไปมา มองได้ระดับประมาณ คนสายตาสั้นประมาณ 100 มองเห็น สามารถใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปได้ แต่การมองตัวหนังสือ การใช้คอมพิวเตอร์ หรือการขับรถจะยังเบลออยู่ หลังจากแผลหายสนิท แพทย์ถอดคอนแทคเลนส์ออกแล้ว การมองเห็นจะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ หากสามารถพักสายตาได้เพียงพอ หยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ การฟื้นตัวจะยิ่งเร็วขึ้น โดยเฉลี่ยที่ประมาณ1-3เดือน การมองเห็นก็จะได้มากกว่า90% และสายตาจะนิ่งค่อนข้างไม่เปลี่ยนแปลงที่ประมาณ 3-6เดือนขึ้นไป

" ปัจจัยที่ทำให้การมองเห็นฟื้นตัวช้ากว่าที่ควร "

  1.  ไม่ได้พักสายตา ใช้หน้าจอมาก ในช่วงแรกๆ

  2.  ตาแห้งมาก

  3.  เกิดฝ้าที่กระจกตา ความเสี่ยงนี้ จะพบในคนที่เป็นแผลเป็นง่าย เป็นคีลอยง่าย ทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดดแดดแสง UV มาก ในช่วง 1-3 เดือนแรก

  4.  เกิดการติดเชื้อที่กระจกตา


PRK มี 2 technique ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน คือ

  1. Standard PRK :   หรือเรียกทั่วๆไปว่า PRK เทคนิคนี้ เราจะใช้แอลกอฮอล์ยิงเหนือผิวกระจกตา เพื่อให้ผิวกระจกตาชั้นบนสุดลอกตัวออก จากนั้นจึงใช้เลเซอร์ยิงเจียผิวกระจกตา เพื่อรักษาสายตาสั้น-เอียงที่มี

  2. Trans PRK , no touch technique :   เทคนิคนี้เราจะใช้เลเซอร์ ขั้นตอนเดียวยิงลอกผิวกระจกตาชั้นบนสุด แล้วยิงต่อด้วยเลเซอร์แก้ไขสายตา  ผลการรักษาที่ได้ จะฟื้นตัวเร็วกว่าวิธีแรก เจ็บเคืองน้อยกว่าเล็กน้อย ใช้เวลาในการทำเร็วกว่าเล็กน้อย และคนไข้ร่วมมือได้ง่ายกว่า  เหมาะกับคนที่ขี้กลัว  ขี้กังวลระยะเวลาทั้งหมดในการทำผ่าตัด ทั้งสองเทคนิคไม่เกิน 10 นาที ก็เสร็จเรียบร้อย  ​

     "ทั้งสองวิธีเราจะมีการแปะยา เพื่อป้องกันการเกิดฝ้าที่กระจกตา  และใส่คอนแทคเลนส์ ในตาไว้ประมาณ 5-7 วัน โดยไม่ต้องถอดออก  แพทย์จะเป็นคนถอดออกให้เอง  เมื่อแผลหาย"

 
ผลข้างเคียงหลังทำ PRK

  1. ระคายเคืองตาแพ้แสง น้ำตาไหล ใน 2-4 วันแรก

  2. อาการเห็นแสงกระเจิง รุ้ง แฉก หรือเงาซ้อน  เวลามองแสงไฟในเวลากลามคืน จะเป็นมาก ใน 2 สัปดาห์แรกและจะค่อยๆดีขึ้น เรื่อยๆ และใกล้เคียงปกติ หลัง 3-6  เดือน มีบางรายอาจยังมีเรื่องแสงกระเจิง ได้ถาวรซึ่งพบได้น้อย

  3. ตาแห้ง อาการจะค่อยๆดีขึ้น เรื่อยๆ หลัง 3-6  เดือน

  4. เกิดฝ้าที่กระจกตา  ความเสี่ยงนี้จะพบในคน ที่เป็นแผลเป็นง่าย เป็นคีลอยง่าย ทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดดแดดแสง UV  มาก ในช่วง 1-3 เดือนแรกอย่างไรก็ตาม แพทย์จะมีการใช้ยา เพื่อป้องกันการเกิดฝ้า ในระหว่างที่ทำผ่าตัด และให้ยาหยอดตาหลังทำผ่าตัดเพื่อป้องกัน

 
ใครบ้างที่เหมาะที่จะทำPRK

  1.  สายตาสั้น และ เอียงไม่เกิน 600

  2.  ไม่มีแผลเป็นที่กระจกตา หรือโรคทางตาอื่นๆ  เช่น ต้อหิน จอประสาทตาหลุดลอก ตาแห้งรุนแรง เป็นต้น

  3.  ไม่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไทรอยด์เป็นพิษ โรคภูมิต้านทานผิดปกติ โรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (SLE รูมาตอยด์) เบาหวานที่ควบคุมไม่ดี

  4.  ผู้ที่มีตาแห้งน้อยถึงปานกลาง สามารถทำวิธีนี้ได้ เนื่องจากวิธีนี้จะมีผลข้างเคียง เรื่องตาแห้งน้อยกว่าเลสิก

  5.  ผู้ที่ชอบทำกิจกรรม หรือมีอาชีพ ที่โลดโผนมีความเสี่ยงบ่อยในการเกิดอุบัติเหตุกระทบกระแทกที่ดวงตา เนื่องจาก  กระจกตาจะมีความแข็งแรงเหมือนคนปกติ ไร้รอยต่อ

  6.  ผู้ที่สามารถรอเวลาการฟื้นตัว ของการมองเห็นได้ เนื่องจากการมองเห็น และค่าสายตาจะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างช้าๆ   หลัง 2-3 สัปดาห์


การเตรียมตัวก่อนมาตรวจ >> เหมือนการเตรียมตัวก่อนทำเลสิกทั่วไป

  1. ถอดคอนแทคเลนส์ก่อนมาตรวจ ถ้าเป็นเลนส์นิ่มไม่แก้เอียงถอดมาอย่างน้อย 3 วัน , ถ้าเป็นเลนส์นิ่มที่แก้เอียงให้ถอดมาอย่างน้อย 1 สัปดาห์, ถ้าเป็นเลนส์แข็ง ให้ถอดมาอย่างน้อย 2 สัปดาห์

  2. หยอดน้ำตาเทียม มาบ่อยๆ ทุกๆ 1-2 ชั่วโมง  แนะนำทำ PRK  ก่อนไปสอบทหารหรือตำรวจอย่างน้อย 3เดือน  เพื่อผลของการรักษาที่ดีเต็มที่ค่าสายตา นิ่งเป็นปกติ และไม่มีร่องรอยที่ผิวกระจกตา
     

การปฏิบัติตัวหลังทำPRK

  1. หยอดยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด หยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ จะทำให้แผลหายเร็วขึ้น

  2. ทานวิตามินซี 1000 mg 1-2 เม็ดต่อวัน เป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 เดือน เพื่อลดโอกาสเกิดฝ้าที่กระจกตาและทำให้แผลสมานเร็วขึ้น

  3. งดออกแดดทำกิจกรรมการแจ้ง ป้องกันแสง UV ไม่ให้เข้าตา ในช่วง 3-6 เดือนแรก ใส่แว่นตากันแดด และหมวกปีกกว้าง หากจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้ง การโดนแสงแดด แสง UV ในช่วงแรก จะมีโอกาสเกิดฝ้าที่กระจกตา ซึ่งถ้าเกิดฝ้าขึ้น จะต้องหยอดยารักษาฝ้าเป็นเวลาหลายเดือน และอาจทำให้ค่าสายตาไม่ดี เห็นรอยฝ้าจากการทำผ่าตัดได้

  4. ช่วงสัปดาห์แรก พักสายตาบ่อยๆ งดใช้จอมือถือ คอมพิวเตอร์ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้แผลสมานตัวเร็ว จะทำให้การมองเห็นชัดเจนเร็วยิ่งขึ้น

  5. ช่วงสัปดาห์แรกระวังเรือ่งความสะอาดให้มากๆ ห้ามน้ำเข้าตาโดยเด็ดขาด ระวังฝุ่นควัน เหงื่อไคลเข้าตา งดออกกำลังกาย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หากมีการติดเชื้อ อาจทำให้เกิดสายตามัวหรือแผลเป็นที่กระจกตาแบบถาวรได้

  6. งดรับประทานปิ้งย่าง หรืออยู่หน้าเตาร้อนๆ มีควันมากๆ 1 สัปดาห์

  7. หลัง1-2สัปดาห์ สามารถออกกำลังกาย ล้างหน้าได้ตามปกติ
     

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ศูนย์จักษุกรรมและเลสิก
โทร. 02-408-0113

 

สอบถามเพิ่มเติม  / นัดหมายพบแพทย์

เพิ่มเพื่อน

บทความโดย

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม
พญ. ไรนา จินดาศักดิ์
ความชำนาญ : กระจกตาและการผ่าตัดแก้ไขสายตา