ตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ (ทางผิวหนัง)

29 เมษายน 2564


การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง คืออะไร  ต่างกับการเจาะเลือดอย่างไร ?
           การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังด้วยวิธีการสะกิด คือ วิธีการทดสอบเบื้องต้นที่ทำให้ทราบว่าผู้ป่วย แพ้อะไร มีการศึกษาวิจัยกันมากเพื่อเทียบผลการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังกับการเจาะเลือด   พบว่าผลที่ได้มีความสอดคล้องกันหรือไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ทั้ง 2 วิธี  มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันซึ่งผู้ป่วยควรพิจารณาดังนี้

  • การทดสอบผิวภูมิแพ้ทางหนังด้วยวิธีสะกิด สามารถทำได้ง่ายใช้เวลาไม่นาน ราคาถูกกว่าการเจาะเลือด ไม่เจ็บ แต่ผู้ป่วยต้องงดยาแก้แพ้นานเป็นเวลา 7 วันก่อนทดสอบ ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยบางรายมีอาการกำเริบมากขึ้นจนไม่สามารถทนได้ นอกจากนี้ในผู้ป่วยที่เป็นผื่นผิวหนังอักเสบทั่วตัวหรือในกรณีเด็กเล็กมากๆ และสตรีมีครรภ์ ไม่แนะนำให้ทำการทดสอบด้วยวิธีนี้

  • การเจาะเลือดตรวจหาสารแพ้ (Specific IgE) วิธีนี้สามารถทำได้กับผู้ป่วยทุกราย ไม่มีข้อจำกัด แม้ในหญิงตั้งครรภ์ หรือ กำลังทานยาแก้แพ้อยู่  แต่ข้อเสีย คือ  ใช้เวลารอผลค่อนข้างนานโดยประมาณ 7 – 10 วัน

ทำไมต้องตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ทางผิวหนัง ?
           การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง จะช่วยในการวินิจฉัยของแพทย์เพื่อแยกชนิดของโรคภูมิแพ้ได้ดียิ่งขึ้น นอกเหนือจากการซักประวัติ ตรวจร่างกายเพียงอย่างเดียว  สำหรับประโยชน์ของการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังที่สำคัญคือ เมื่อเราทราบว่าแพ้อะไร เราก็จะสามารถหลีกเลี่ยงตัวต้นเหตุนั้นได้ตรงจุด ทำให้อาการแพ้ที่เป็นอยู่นั้นดีขึ้นได้เร็วกว่าการใช้ยาควบคุมอาการเพียงอย่างเดียว ในบางรายเมื่อทราบว่าแพ้อะไร แพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยการทำ Immunotherapy (การรักษาภูมิแพ้โดยการฉีด)

เมื่อไหร่ควรทำการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง ?
          เมื่อคุณมีอาการแพ้เรื้อรัง เป็นๆ หายๆ  และสงสัยว่าอาจเกิดจากภูมิแพ้   ซึ่งอาการของโรคภูมิแพ้สามารถสังเกตได้ดังนี้

  • น้ำมูก จาม คัดจมูก
  • คันตา แสบตา น้ำตาไหล
  • ไอ เสมหะลงคอ เหนื่อย  ต้องพ่นยาขยายหลอดลมบ่อยๆ (ปีละ >3 ครั้ง)
  • ผื่นผิวหนังอักเสบ
  • แพ้อาหาร

ปรึกษาปัญหาภูมิแพ้ได้ที่ : 02-408-0111 

 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
 

เพิ่มเพื่อน