ทำความรู้จักกับเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging)
13 พฤษภาคม 2563
เมื่อพูดถึงคำว่า Anti-Aging หรือการชะลอวัย หลายๆท่านคงจะนึกถึงเรื่องความสวยๆงามๆ โดยเฉพาะเรื่องริ้วรอยบนใบหน้า หรือความหย่อนคล้อยของผิวหนัง ทำให้นึกว่าเป็นการลดอายุ หรือป้องกันไม่ให้แก่โดยการใช้เครื่องมือหรือยาต่างๆในการดูแลผิวพรรณ แต่จริงๆแล้ว Anti-Aging Medicine หรือเวชศาสตร์ชะลอวัยนั้น ไม่ใช่เพียงเกี่ยวกับเรื่องความสวยงามภายนอกเท่านั้น แต่ยังเป็นการดูแลรักษาสุขภาพจากภายในแบบองค์รวม โดยมุ่งเน้นให้มีสุขภาพดีลงไปถึงระดับของเซลล์ภายในร่างกาย เรียกได้ว่า แข็งแรงสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอกเลยค่ะ โดยเมื่อเซลล์ในร่างกายเราสมบูรณ์แข็งแรงแล้ว เรื่องหน้าตาผิวพรรณก็จะต้องมีความสวยเปล่งปลั่งตามมาแน่นอน
ขั้นตอนการดูแลสุขภาพ ตามแบบฉบับ Anti-Aging เวชศาสตร์ชะลอวัย
ขั้นตอนการตรวจของทาง Anti-Aging นั้น จะคล้ายกับการปรึกษาแพทย์ทั่วโดย แต่ทางเวชศาสตร์ชะลอวัยเราจะเน้นที่การพูดคุยกับคนไข้เป็นส่วนมาก ดังนั้นจึงขออธิบายถึงขั้นตอนการดูแลแบบฉบัับ Anti-Aging ดังนี้
- เริ่มตั้งแต่สอบถามประวัติโดยละเอียด ลงลึกถึงพฤติกรรมการชีวิตของคนไข้ในแต่ละวัน ตั้งแต่การตื่นนอนตอนเช้า การทานอาหาร อารมณ์ ความเครียด การทำงาน การออกกำลังกาย ถึงการเข้านอนในแต่ละวัน
- แพทย์ทำการรวบรวมปัญหาทั้งหมดที่ได้จากการสอบถามข้อมูลจากคนไข้ มาวิเคราะห์และเลือกการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- การตรวจสุขภาพแบบ Anti -Aging ส่วนใหญ่จะเป็นการตรวจวิเคราะห์แบบใหม่ และใช้เครื่องมือการตรวจที่ทันสมัย จึงสามารถตรวจและวิเคราะห์ผลได้อย่างลงลึกถึงระดับการทำงานของแต่ละเซลล์ในร่างกาย ดังนั้นถ้าเกิดความผิดปกติในร่างกายแม้เพียงเล็กน้อย ก็ทำให้สามารถตรวจพบได้อย่างรวดเร็วกว่าการตรวจทางห้องปฏิบัติการทั่วไป
- เมื่อตรวจพบต้นตอของปัญหาได้เร็ว จึงทำให้แพทย์สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง หรือให้การรักษาได้เร็วกว่าการตรวจแบบทั่วไป
จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของเวชศาสตร์ชะลอวัย คือการป้องกันไม่ให้เกิดโรค
และหากตอนนี้คุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังรู้สึกว่าตัวเองมีความผิดปกติ เช่น
-รู้สึกอ่อนเพลียง่าย
-ไม่มีแรง
-รู้สึกไม่สดชื่น
-รู้สึกว่าร่างกายไม่แข็งแรงสมบูรณ์อย่างที่ควรจะเป็น
แต่เมื่อไปปรึกษาคุณหมอแล้วตรวจไม่เจอโรคใด ๆ หากคุณมีอาการเหล่านี้แนะนำให้มาลองปรึกษาคุณหมอ Anti-Aging หรือเวชศาสตร์ชะลอวัย เพื่อหาสาเหตุของอาการเหล่านี้ เพื่อวางแผนการดูแลรักษา ตลอดจนทั้งเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคร้ายแรงต่างๆ ในอนาคต หรือแม้แต่คนไข้ที่มีโรคประจำตัว และอยู่ในระหว่างการรักษาโรคก็สามารถมาดูแลรักษาแบบ Anti-Aging ได้ โดยการรักษาจะเป็นการเสริมควบคู่ไปกับการแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
การรักษาตามแนวทางของ Anti-Aging เวชศาสตร์ชะลอวัย
การรักษาของเวชศาสตร์ชะลอวัยนั้น ส่วนใหญ่จะไม่ได้เน้นการรักษาด้วยยา เนื่องจากยาถือเป็นสารเคมีอย่างหนึ่งซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นสิ่งที่ใช้ในการรักษาทาง Anti-aging นั้นจะมุ่งเน้นการปรับพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น
- ให้คำแนะนำเกี่ยวกับอาหารที่ทาน
- เน้นการออกกำลังกายที่เหมาะเฉพาะบุคคล
- การใช้อาหารเสริมที่มาจากธรรมชาติ
- มีการออกแบบวิตามินเฉพาะบุคคลที่มีความจำเป็นต่อร่างกายของบุคคลนั้นๆ
- การให้ฮอร์โมนเสริมเฉพาะบุคคล ในกรณีที่เรามีอายุมากขึ้น ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนต่างๆลดลง ความสามารถในการดูดซึมแร่ธาตุและวิตามินต่างๆ ก็อาจลดลงจากสาเหตุต่างๆ ทำให้มีความจำเป็นจะต้องได้รับวิตามินเสริม โดยการรักษาทั้งหมดนั้นจะต้องมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการก่อน และแผนการรักษาของแพทย์จะอ้างอิงจากผลการตรวจเป็นสำคัญ
จะเห็นได้ว่า หลักการรักษาทั้งหมดของเวชศาสตร์ชะลอวัย จะเน้นที่การปฏิบัติจริงของคนไข้ และเน้นการดูแลคนไข้แบบองค์รวม เน้นการตรวจเพื่อป้องกันการเกิดโรคในอนาคต โดยที่เป้าหมายของเรานั้นไม่เพียงแต่ให้คนไข้มีอายุยืนยาว แต่คนไข้จะต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถช่วยเหลือตัวเองได้โดยไม่เป็นภาระของใคร และทำให้มีชีวิตยืนยาวอย่างมีความสุขตลอดช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ทั้งหมดนี้แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยจะเปรียบเสมือนเพื่อนที่ให้คำแนะนำและมีเครื่องมือส่วนหนึ่งที่จะช่วยคนไข้ แต่ตัวคนไข้เองจะต้องมีความตั้งใจและลงมือปฏิบัติเองด้วย ทั้งนี้เพื่อที่จะก้าวไปสู่หนทางแห่งการมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีไปพร้อมกัน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม