มะเร็งปากมดลูก คืออะไร .... ป้องกันอย่างไร ?
20 พฤษภาคม 2565
มะเร็งปากมดลูก คืออะไร ?
มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบมากเป็น อันดับสองในหญิงไทยรองจากมะเร็งเต้านม จากระบบเฝ้าระวังโรคมะเร็งของประเทศไทย พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ ประมาณ 6,500 รายต่อปี และมีผู้ป่วยเสียชีวิต จากมะเร็งปากมดลูกประมาณ 2,000 รายต่อปี ถือได้ว่ามะเร็งปากมดลูกคือ มะเร็งร้ายในสตรี ก็ว่าได้
โรคนี้ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสฮิวแมนแปบปิโลมา (Human Papillomavirus) หรือเชื้อเอชพีวีชนิดก่อมะเร็งแบบฝังแน่น ซึ่งมีอย่างน้อย 15 สายพันธุ์แล้วทำให้เซลล์ปากมดลูกเกิดความผิดปกติและเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด
การติดเชื้อเอชพีวีส่วนใหญ่ ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผู้หญิงทุกคนมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ โดยอัตราการติดเชื้อจะสูงสุดในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้น การติดเชื้อไวรัสนี้ จะใช้เวลา 10-15 ปี ในการพัฒนาไปเป็นมะเร็งปากมดลูก โดยไม่แสดงอาการใด ๆ ในระยะเริ่มติดเชื้อ แต่จะเริ่มมีอาการเมื่อกลายเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกแล้ว ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่ ของผู้หญิงที่ติดเชื้อเอชพีวี ร่างกายจะสามารถกำจัดเชื้อได้เอง แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าผู้หญิงคนไหนจะสามารถกำจัดเชื้อได้
ทั้งนี้ ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์สามารถลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกด้วยการมีเพศสัมพันธ์ อย่างปลอดภัย และตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเมื่อถึงอายุที่เหมาะสม
สำหรับเด็กหญิงนั้น ผู้ปกครองสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกให้บุตรหลานของท่านได้ตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ วัยรุ่น โดยการอนุญาตให้บุตรหลานได้รับวัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี ตามที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแนะนำ
วัคซีนดังกล่าวช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์หลักๆ ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก การฉีดวัคซีนในเด็กนักเรียนหญิงจำนวน 2 เข็ม โดยเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 6 เดือน มีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกสูงถึง ร้อยละ 70-90 วัคซีนจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันเชื้อเข้าเซลล์บริเวณปากมดลูก และวัคซีนมีประโยชน์สูงสุดเมื่อให้ในช่วงก่อนเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เนื่องจากร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าผู้ใหญ่มาก
วัคซีนเอชพีวี คืออะไร ?
- วัคซีนเอชพีวีมีประโยชน์อย่างไร วัคซีนเอชพีวีมีประสิทธิภาพดีในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีสายพันธุ์ที่อยู่ในวัคซีน โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 และ 18 ดังนั้น ผู้ได้รับวัคซีนเอชพีวีอย่างเหมาะสม จะลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 และ 18 รวมถึงมะเร็งปากมดลูกที่สัมพันธ์กับไวรัสเอชพีวีทั้งสองสายพันธุ์ด้วย
- วัคซีนเอชพีวีต้องฉีดกี่ครั้ง เด็กอายุ 9-14 ปี ควรได้รับวัคซีน 2 เข็ม โดย เข็มที่สองห่างจากเข็มแรก 6 เดือน แต่สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปี ขึ้นไป หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรได้รับ วัคซีน 3 เข็ม โดยเข็มแรกห่างจากเข็มที่สอง 1-2 เดือน และเข็มสุดท้ายห่างจากเข็มแรก 6 เดือน
- อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังรับวัคซีนเอชพีวี วัคซีนเอชพีวี ทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อยและไม่รุนแรง อาจพบปฏิกิริยาเฉพาะที่ ได้แก่ อาการปวด บวม ผื่นแดงและคันบริเวณที่ฉีด อาจพบอาการไข้ ซึ่งมักหายได้เอง ผลข้างเคียงรุนแรงกว่านี้พบได้น้อยมาก การดูแลรักษาอาการข้างเคียง หากปวด บวม บริเวณที่ฉีดให้ประคบ ด้วยผ้าเย็น หากมีไข้ให้รับประทานยาลดไข้ในขนาด ที่เหมาะสม หากอาการข้างเคียงเป็นรุนแรง หรือเป็นมาก ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที และบอกอาการให้แพทย์ทราบโดยละเอียด
- วัคซีนเอชพีวีมีข้อควรระวังอย่างไร วัคซีนเอชพีวีเป็นวัคซีนเชื้อตายที่มีความปลอดภัย ผู้ที่ต้องการได้รับวัคซีนควรตรวจสอบว่า ตนแพ้ส่วนประกอบในวัคซีน หรืออยู่ในขณะตั้งครรภ์หรือไม่ หลังฉีดวัคซีน ผู้ได้รับวัคซีนอาจมีอาการปวดบวม แดงคันบริเวณที่ฉีด หรืออาจมีไข้ อย่างไรก็ดี อาการดังกล่าวอาจหายได้เอง
- ผู้ได้รับวัคซีนเอชพีวีจะไม่ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกในอนาคตแน่นอนใช่หรือไม่ ผู้ได้รับวัคซีนเอชพีวียังมีความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกที่เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เชื้อเอชพีวี หรือมะเร็งปากมดลูกที่สัมพันธ์กับเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์อื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในวัคซีน ดังนั้น การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย และการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นระยะยังคงมีความจำเป็นอยู่
- ผู้ใหญ่สามารถรับวัคซีนเอชพีวีได้หรือไม่ วัคซีนเอชพีวีจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อได้รับวัคซีนครบถ้วนก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก สำหรับผู้ใหญ่ที่สนใจได้รับวัคซีนเอชพีวีนั้น อาจขอคำปรึกษาจากแพทย์ว่าควรได้รับวัคซีนเอชพีวีหรือไม่